เสริมคาง
สาว ๆ ที่กำลังประสบปัญหาในเรื่องรูปหน้า ไม่ว่าจะเป็นหน้ากลม คางสั้น หน้าเหลี่ยม ไม่เรียว แล้วอยากให้มีใบหน้าที่เป็นรูป v shape คงต้องหาวิธีที่จะปรับโครงสร้างของใบหน้าให้ดูเรียวและยาวด้วยการนำศัลยกรรมเข้าช่วย การเสริมคางเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ แต่อาจจะมีความกังวลว่าเมื่อทำการเสริมคางกี่วันหายบวมกันแน่ เรามาดูกันค่ะ
การเสริมคาง เป็นการทำศัลยกรรมปรับใบหน้าด้วยการผ่าตัดเล็กแล้วเสริมซิลิโคนซึ่งเหลาปรับทรงได้ตามความต้องการ ซิลิโคนที่ใช้นี้จะต้องได้มาตรฐานทางการแพทย์ ทำด้วยผู้เชี่ยวชาญ จึงจะมีความปลอดภัย
เทคนิคในการเสริมคางนั้น มีการผ่าตัดออกเป็น 2 แบบ
การผ่าตัดเสริมคางแบบแผลนอก
ตรงบริเวณใต้คาง ความยาวของแผลจะมีขนาดเล็กนิดเดียว เพียงประมาณ 1-1.5 cm และ ใส่ซิลิโคนไปตามตำแหน่งที่ต้องการและทำการเย็บปิดแผลใช้เวลาในการผ่าตัด ซึ่งมีอาจทิ้งรอยแผลเป็นหรือคีลอยด์ไว้
การผ่าตัดเสริมคางแบบแผลใน
จะเป็นการเปิดแผลตรงบริเวณเหงือกตรงปากล่างของคนไข้ ความยาวของแผล จะมีขนาด 1-2 cm และทำการใส่ซิลิโคนเข้าไปตามตำแหน่ง ข้อดีของการเสริมคางแบบแผลใน คือ จะไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ให้เห็นจากภายนอก ทำให้เสริมออกมาดูเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ
เทคนิคการเสริมคาง
ผู้ที่เหมาะกับการเสริมคางนั้น คือ ผู้ที่มีปัญหาคางเล็ก คางสั้น คางตัด ใบหน้าไม่ได้สัดส่วนที่สวยงาม การเสริมคาง จึงเป็นการตอบโจทย์เพื่อปรับให้รูปหน้าดูเรียวขึ้น รูปหน้าดูยาวขึ้น สัดส่วนใบหน้าจะดูละมุน มีมิติ และ เป็นธรรมชาติ
การเสริมคางเหมาะกับใคร
-
แจ้งข้อมูลด้านสุขภาพ เช่น โรคประจำตัว , ประวัติการแพ้ยา ให้เจ้าหน้าที่
-
คนไข้ ควร งด การสูบบุหรี่ และ แอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
-
งดยาตระกูล แอสไพริน วิตามินต่างๆ รวมถึง อาหารเสริม
-
ทำความสะอาดร่างกาย รวมถึง ความสะอาดภายใน ช่องปาก ให้พร้อมที่สุด
-
พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพร้อมต่อการพักฟื้นหลังการผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
การดูแลหลังเสริมคาง
-
หลังการเสริมคาง ควรนอนหนุนศีรษะด้วยหมอนสูงและเลี่ยงการนอนตะแคง
-
หลีกเลี่ยงการเท้าคาง หรือ การแตะสัมผัส บริเวณคาง เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของซิลิโคนที่เสริมไป
-
หมั่นทำความสะอาดแผลเพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ โดยใช้สำลีชุบน้ำเกลือทำความสะอาดอยู่เสมอ
-
งดการทานอาหารทะเล ของสด ของหมัก ของดอง บุหรี่ เหล้าเบียร์ แอลกอฮอล์ ทุกชนิด
-
หลักเลี่ยงการยกของหนัก และ การทำให้จมูกได้รับแรงสั่นสะเทือน
-
หมั่นทานยาตามแพทย์สั่ง และ สามารถทานอาหารบำรุงเพื่อลดอาการบวมช้ำ
-
หลีกเลี่ยงการออกกำลังหนัก หรือ กิจกรรมที่มีโอกาสเกิดแรงกระแทก เป็นเวลา 1-2 เดือน